ผู้เขียน หัวข้อ: ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)  (อ่าน 41 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 498
    • ดูรายละเอียด
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)

กรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis) เป็นภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินปัสสาวะ เชื้อแบคทีเรียที่พบได้บ่อยคือ อีโคไล (E.Coli) เชื้อมักเริ่มต้นจากการอักเสบในกระเพาะปัสสาวะแล้วแพร่กระจายไปที่ไต

ผู้ป่วยกรวยไตอักเสบจำเป็นต้องได้รับการรักษาพยาบาลทันทีเนื่องจากการติดเชื้ออาจทำให้ไตเสียหายถาวรหรือเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดซึ่งอาจอันตรายถึงแก่ชีวิต โดยใช้ยาปฏิชีวนะเป็นการรักษาขั้นพื้นฐาน

อาการ

    มีอาการแสบเจ็บระหว่างปัสสาวะ
    มีหนองหรือเลือดปนอยู่ในปัสสาวะ (Hematuria)
    รู้สึกปวดปัสสาวะตลอดเวลา
    ปัสสาวะมีกลิ่นคาว
    ปวดปัสสาวะบ่อยต้องรีบเข้าห้องน้ำ
    คลื่นไส้ อาเจียน
    เจ็บปวดบริเวณสีข้างกับปวดท้อง
    มีไข้และรู้สึกหนาวสั่น


เมื่อไหร่ควรพบแพทย์

ควรพบแพทย์ทันทีหากพบอาการติดเชื้อซึ่งรวมถึงปัสสาวะเป็นเลือด คลื่นไส้ และอาเจียน เนื่องจากการติดเชื้อที่ไตอย่างรุนแรงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่คุกคามถึงชีวิต

สาเหตุ

กรวยไตอักเสบมักเกิดมาจากการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด โดยส่วนใหญ่เกิดจากเชื้ออีโคไล ซึ่งมีหลายสาเหตุเช่นการอักเสบต่อเนื่องของกระเพาะปัสสาวะหรือท่อปัสสาวะ การอุดตันของทางเดินปัสสาวะ บางกรณีเชื้อแบคทีเรียอาจแพร่กระจายเข้าสู่กรวยไตผ่านทางกระแสเลือดได้ ส่งผลให้เกิดการอักเสบแบบเฉียบพลัน

ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดกรวยไตอักเสบ

    เพศหญิง: ท่อปัสสาวะในผู้หญิงจะสั้นกว่าในผู้ชายทำให้เชื้อโรคจากภายนอกเข้าสู่กระเพาะปัสสาวะได้ง่ายขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ความใกล้ของท่อปัสสาวะกับช่องคลอดและทวารหนักของผู้หญิงเพิ่มโอกาสที่แบคทีเรียจะเข้าไปในกระเพาะปัสสาวะและลุกลามไปยังไตได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้สตรีมีครรภ์ มีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อสูงขึ้น
    ทางเดินปัสสาวะอุดตัน: การไม่สามารถถ่ายปัสสาวะจนหมดจากกระเพาะปัสสาวะ หรือมีนิ่วอุดตันท่อไต เป็นปัจจัยทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
    การมีระบบภูมิคุ้มต่ำ: โรคที่ทำให้มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง โรคเบาหวานและการติดเชื้อเอชไอวี
    มีความผิดปกติของเส้นประสาทบริเวณกระเพาะปัสสาวะ: ความเสียหายต่อเส้นประสาทหรือไขสันหลัง อาจทำให้ขัดขวางสัญญาณเตือนภายในร่างกาย จนปล่อยให้มีการลุกลามของเชื้อขึ้นไปในไต
    โรคปัสสาวะไหลย้อนกลับ: ภาวะที่มีปัสสาวะไหลย้อนกลับจากกระเพาะปัสสาวะกลับไปในท่อไต มักพบอาการนี้ในวัยเด็ก


ภาวะแทรกซ้อน

    เกิดรอยแผลเป็นหรือฝีในไต อาจนำไปสู่โรคไตเรื้อรังความดันโลหิตสูงและไตวายเฉียบพลัน
    ภาวะโลหิตเป็นพิษ หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจเกิดภาวะช็อคได้ การติดเชื้อที่ไตอาจทำให้ เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายผ่านกระแสเลือด
    ปัญหาทางสูติกรรม ผู้หญิงที่เป็นโรคไตในระหว่างตั้งครรภ์อาจทำให้ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักที่น้อยกว่าปกติ


การป้องกัน

ลดโอกาสการเกิดกรวยไตอักเสบโดยการป้องกันไม่ให้ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะโดยเฉพาะสุภาพสตรี อาจปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้:

    ดื่นน้ำให้มากเพื่อขับเชื้อแบคทีเรียออกจากร่างกายผ่านการปัสสาวะ
    ไม่กลั้นปัสสาวะไว้เป็นเวลานาน และปัสสาวะเมื่อปวด
    หลังมีเพศสัมพันธ์ให้ปัสสาวะทันทีเพื่อลดความเสี่ยงของเชื้อแบคทีเรียที่ยังคงค้างภายในอวัยวะเพศ
    ผู้หญิงควรเช็ดทำความสะอาดอวัยวะเพศและทวารหนักจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ท่อปัสสาวะ


การวินิจฉัย

อาจมีการเก็บตัวอย่างของเลือดและปัสสาวะเพื่อตรวจหาหนองหรือเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้ อาจต้องตรวจภาพฉายรังสีจากซีที สแกนเพื่อวินิจฉัยการอุดตันในระบบทางเดินปัสสาวะ


การรักษา

    การรับประทานยาปฏิชีวนะ แพทย์มักใช้ยาปฏิชีวนะเป็นพื้นฐานในการรักษากรวยไตอักเสบ การตรวจหาเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะจะเป็นตัวกำหนดประเภทชนิดของยาและระยะเวลาที่ต้องใช้ยา โดยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน2-3 วันหลังรับการรักษา ทั้งนี้ผู้ป่วยยังคงต้องรับประทานยาปฏิชีวนะอย่างต่อเนื่อง 10-14 วันให้ครบตามคำสั่งของแพทย์แม้อาการจะดีขึ้นแล้วก็ตาม
    การรักษาในโรงพยาบาล ผู้ป่วยมีภาวะไตติดเชื้อรุนแรงอาจะจำเป็นต้องฉีดยาปฏิชีวนะเข้าทางหลอดเลือดดำ ทั้งนี้ระยะเวลาในการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบ
    ผ่าตัด แพทย์อาจใช้วิธีผ่าตัดในการรักษาสำหรับผู้ป่วยกรวยไตอักเสบที่เกิดจากการอุดตันของฝีหนองหรือความผิดปกติในโครงสร้างภายในระบบทางเดินปัสสาวะอาจ ต้องตัดเนื้อไตบางส่วนทิ้งไปหากพบว่าติดเชื้อรุนแรงมาก


ระหว่างพักรักษาตัวที่บ้าน

บรรเทาอาการปวดขณะพักฟื้นตัวจากการติดเชื้อที่ไตด้วยวิธีดังนี้:

    ประคบร้อนบริเวณหน้าท้อง หลัง หรือสีข้างเพื่อลดคามปวด
    รับประทานยาฆ่าเชื้อโรคที่เหมาะสม ทั้งชนิดยาและระยะเวลาที่ให้
    ดื่มน้ำให้มากเพื่อช่วยขจัดแบคทีเรียออกจากระบบทางเดินปัสสาวะ


เตรียมนัดหมายแพทย์

แนะนำให้พบแพทย์ผู้ชำนาญการโรคไต หรือศัลยแพทย์ด้านโรคระบบทางเดินปัสสาวะ หากการติดเชื้อลุกลามไปที่ไตและเกิดการอักเสบเป็นหนอง